ตรวจอาการเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย ล่าสุด | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

10 มิถุนายน 2568
ตรวจอาการเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย ล่าสุด | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต

เป็นผลโดยตรงจากมาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐ และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นตามมาโดยเฉพาะด้านนโยบาย กระทบตลาดการเงินและการตัดสินใจของธุรกิจทั่วโลก

บทความวันนี้สํารวจอาการล่าสุดของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐ และเศรษฐกิจไทย รวมถึงประเด็นที่จะสําคัญต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐและไทยในช่วงครึ่งปีหลังที่นักลงทุนต้องติดตาม นี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้

เริ่มที่เศรษฐกิจสหรัฐ รายงานล่าสุดที่รวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้จากธนาคารกลางสหรัฐในทั้ง12 พื้นที่ทั่วประเทศ คือ รายงาน Beige book ชี้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐกําลังชะลอ การใช้จ่ายอ่อนแอ ราคาสินค้าและต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น

เป็นผลโดยตรงจากมาตรการขึ้นภาษีและความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่มีมาก ส่งผลต่อผู้บริโภค นักธุรกิจ และตลาดการเงิน ที่สำคัญเทียบกับรายงานเดียวกันเมื่อเดือนมกราคมที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในทั้ง 12 พื้นที่ขยายตัว

ในรายงานล่าสุดเดือนพฤษภาคม มีเพียงสามพื้นที่ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัว มีหกพื้นที่ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจติดลบ เช่น นิวยอร์ก บอสตัน ฟิลาเดลเฟีย และเทียบกับรายงานเดือนเมษายน

กิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐหดตัวช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมา การมีงานทําไม่ขยับ การจ้างงานใหม่ลดลง มีเพียง 37,000ตําแหน่งเดือนพฤษภาคมเทียบกับกว่าแสนตำแหน่งเดือนมีนาคม เป็นสัญญาณที่ไม่ดี

ประเด็นที่ภาคธุรกิจห่วงคืออนาคต มองว่าราคาและต้นทุนสินค้าจะเพิ่มขึ้นต่อ ผู้ผลิตจึงลดการผลิต ไม่เพิ่มสต็อก เพราะไม่มั่นใจเรื่องความต้องการสินค้า ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐที่เปลี่ยนไป ใช้จ่ายระมัดระวังขึ้น และเลือกที่จะซื้อของถูก

ขณะที่ตลาดการเงินผันผวนเพราะไม่ชัดเจนว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร จากที่ความไม่แน่นอนมีมาก ทั้งเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอ นโยบายภาษี ที่มีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ ภาคธุรกิจ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐถูกปรับลงทั้งปีนี้และปีหน้า

ล่าสุด โออีซีดี (OECD) ปรับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐลงเหลือร้อยละ 1.6 ปีนี้และร้อยละ 1.5 ปีหน้า
สําหรับประเด็นที่ต้องติดตามคือ หนึ่ง การชะลอตัวของเศรษฐกิจจากนี้ไป ว่าจะเร็วหรือช้า รุนแรงหรือไม่ และชะลอแบบทั่วไปหรือเฉพาะจุด ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐและผลที่จะมีต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจะกระทบการจ้างงาน อัตราการว่างงาน การเพิ่มของอัตราค่าจ้าง และเงินเฟ้อ ทั้งหมดมีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐเรื่องดอกเบี้ย เพราะเป้าหมายนโยบายการเงินของสหรัฐคือ เงินเฟ้อและการมีงานทํา

สอง การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะจังหวะและเงื่อนเวลาในการปรับอัตราดอกเบี้ยลง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐกําลังเจอทั้งแรงกดดันเงินเฟ้อที่เป็นผลจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งสองเรื่องเกิดขึ้นพร้อมกันแต่ต้องการทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการแก้ปัญหาต่างกัน คือขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อกับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นโจทย์ด้านนโยบายที่ละเอียดอ่อนและต้องหาความสมดุลให้ถูกโดยเฉพาะจังหวะเวลาในการตัดสินใจ

เพราะถ้าลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปเงินเฟ้อก็จะเร่งตัว กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน แต่ถ้าช้าเกินไป เศรษฐกิจก็จะชะลอมากและเสี่ยงที่อาจถลําเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งก็จะกระทบความเป็นอยู่ของประชาชนมาก

นักลงทุนจึงควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐใกล้ชิด โดยเฉพาะสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐเรื่องทิศทางดอกเบี้ย

สาม ปัญหาหนี้รัฐบาลสหรัฐ เป็นปัญหาสําคัญที่อาจนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐได้ถ้าตลาดการเงินสูญเสียความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาลสหรัฐที่จะชำระหนี้

ล่าสุดหนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่ที่ 36.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ ร้อยละ 120.8 ของจีดีพี สูงมากและงบชำระดอกเบี้ยหนี้ของรัฐบาลสหรัฐสูงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ของรายจ่ายประจำปีทั้งหมด

ความเป็นหนี้ดังกล่าวควรลดลง แต่รัฐบาลสหรัฐกําลังทําสิ่งตรงกันข้าม คือลดภาษีที่จะทำให้สหรัฐขาดดุลการคลังและเป็นหนี้มากขึ้น

ล่าสุดจะอีกประมาณ 3.1ล้านล้านดอลลาร์จากข้อเสนอภาษีล่าสุด และไม่สนใจเรื่องเพดานหนี้ ทําให้ตลาดการเงินห่วงความยั่งยืนของฐานะการคลังสหรัฐ สะท้อนได้จากอัตราดอกเบี้ยระยะยาวพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 4.5-5

ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็ถูกปรับลง เป็นประเด็นที่ต้องติดตามเพราะจะส่งผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ล้วนมีปัญหาหนี้สาธารณะทั้งสิ้น เช่น ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร

การชะลอของเศรษฐกิจกําลังเกิดขึ้นทั่วโลก จีน เศรษฐกิจชะลอ ทําให้ประชาชนระวังเรื่องการใช้จ่ายรวมถึงการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ยุโรปก็เช่นกัน ล่าสุดธนาคารกลางยุโรปปรับอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนเศรษฐกิจไทยก็ชะลอเช่นกัน ทั้งการบริโภค การลงทุน การส่งออก และการท่องเที่ยว เป็นผลจากอํานาจซื้อในประเทศที่ตํ่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอ ระดับหนี้ที่สูงทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ทําให้สถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยกู้

ที่ยังขยายตัวคือการใช้จ่ายของรัฐบาลแต่ก็มาจากการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้น หนี้ภาครัฐล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 64.8 ของจีดีพี ความอ่อนแอของเศรษฐกิจขณะนี้เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจห่วงใย และ กกร. ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือร้อยละ 1.5 -2.0 โดยคาดว่าเศรษฐกิจ การส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนจะชะลอมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจต่อภาคธุรกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนเริ่มปรากฏให้เห็น ความอ่อนแอของการใช้จ่ายทําให้แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศติดลบ ขยายตัวร้อยละ -0.57 เดือนพฤษภาคม

กําไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสหนึ่งแผ่วลงและคงแผ่วลงต่อเนื่องในไตรมาสสอง โดยเฉพาะธุรกิจที่โยงกับการใช้จ่ายหรือการลงทุนของประชาชนเช่น อสังหาริมทรัพย์

เศรษฐกิจที่ชะลอเริ่มกระทบความสามารถในการชําระหนี้ของบริษัทที่มีหนี้มาก ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธุรกิจเอสเอ็มอีก็เร่งตัว เป็นปรากฏการณ์ที่มากับเศรษฐกิจที่ชะลอและต้องระวังมาก

ความอ่อนแอของเศรษฐกิจทําให้ทุกฝ่ายหวังพึ่งภาครัฐเพื่อแก้ปัญหา แต่รัฐบาลต้องระวังเรื่องการใช้จ่าย เพราะพื้นที่การคลังมีจำกัดและเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติการคลังได้ถ้าไม่ระวัง

อีกเรื่องคือปัญหาสภาพคล่องและความสามารถในการชําระหนี้ของธุรกิจที่มีเงินกู้มาก ที่อาจส่งผลต่อสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้และเสถียรภาพของตลาดตราสารหนี้ เป็นความเสี่ยงที่มากับเศรษฐกิจขาลงถ้าการบริหารความเสี่ยงของผู้ปล่อยกู้ไม่ดี

ท้ายสุดคือความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจที่มาจากคุณภาพของการดําเนินนโยบายและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ถ้านักลงทุนหวั่นไหวเรื่องนี้ ไม่เชื่อมั่น ก็เสี่ยงที่จะเกิดเงินทุนไหลออก กระทบตลาดหุ้น สภาพคล่อง ค่าเงินบาท ซ้ำเติมการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่กําลังเกิดขณะนี้ให้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก.

 


แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.